Monday, February 4, 2013

ทานตะวัน ชื่อวิทยาศาสตร์ Helianthus annuus

ทานตะวัน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Helianthus annuus



ชื่อวงศ์
COMPOSITAE

ชื่อสามัญ
Common Sunflower

ชื่ออื่นๆ ทานตะวัน ถิ่นกำเนิด อเมริกาตะวันตก

การขยายพันธุ์ เพาะเมล็ด

ประวัติและข้อมูลทั่วไป
ทานตะวันเป็นดอกไม้สีเหลือง ดอกใหญ่กว่าดอกรักเร่เป็นที่สะดุดตามากบางทีดอกจะใหญ่กว่าลำต้นเสียด้วยซ้ำ แทบจะไม่สมดุลย์กันเลย นิยมปลูกเป็นแปลง เป็นไม้ที่ปลูกง่ายและโตเร็ว เมื่อออกดอกแล้วดอกจะหันไปทางทิศตะวันออก เป็นการทานตะวัน ไม่หันไปทางทิศอื่น จึงได้ชื่อว่า ดอกทานตะวัน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ทานตะวันลักษณะของลำต้นจะตรง สูงประมาณ 3-4 ฟุต แต่ถ้าปลูกในถิ่นที่มีอากาศเย็นอาจสูงได้ถึง 6 ฟุต ใบจะออกสลับกัน ลักษณะของใบกลมรีกว้างประมาณ 4-8 นิ้ว ยาว 1 ฟุต ขอบใบเป็นรอยจักฟันเลื่อย ปลายใบแหลม ดอกมีขนาดใหญ่ ดอกบานเต็มที่โตประมาณ 5-10 นิ้ว มีสีเหลืองสด ตรงกลางดอกมีเกสรเป็นวงเกือบเท่าตัวดอก กลีบดอกบานแผ่เป็นวงกลมทำให้เกสรดอกเด่นชัดขึ้น

การปลูกและดูแลรักษา
ทานตะวันเป็นไม้กลางแจ้งต้องการแสงแดดจัด ขึ้นได้ดีในดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี ต้องการน้ำปานกลาง

ทุ่งทานตะวัน

บริเวณเขตติดต่อระหว่างจังหวัดลพบุรี และสระบุรี ตามเส้นทางสายพัฒนานิคม-วังม่วง มีการทำไร่ทานตะวันกันมาก รวมทั้งในอีกหลายอำเภอของสระบุรี เช่น อำเภอพระพุทธบาท เฉลิมพระเกียรติ แก่งคอย หนองโดน และมวกเหล็ก แต่ที่อำเภอวังม่วงจะมีพื้นที่ปลูกมากที่สุด ในช่วงฤดูหนาวราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ริมฝั่งถนนจะสะพรั่งไปด้วยสีเหลืองของดอกทานตะวัน เป็นที่สะดุดตาแก่ผู้ผ่านมาบริเวณนี้เป็นอย่างมาก สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เกษตรอำเภอวังม่วง โทร. 0 3635 9021
ทานตะวันเป็นพืชตระกูลถั่ว ประเภทเดียวกับเบญจมาศ คำฝอย ดาวเรือง บัวตอง ซึ่งเป็นพืชล้มลุกชอบแสงแดดจัด ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี ต้องการน้ำน้อย และเป็นพืชอายุสั้น นิยมปลูกหลังฤดูฝนประมาณเดือนกันยายนเป็นต้นไป จึงเหมาะแก่การปลูกทดแทนข้าวนาปรังหรือพืชชนิดอื่นๆ ทานตะวันเป็นพืชเศรษฐกิจที่นอกจากจะได้ประโยชน์จากการเก็บเกี่ยวแล้ว ยังนำมาซึ่งรายได้จากการท่องเที่ยว เพราะเมื่อดอกทานตะวันบานนับพันนับหมื่นไร่ กลายเป็นท้องทุ่งดอกไม้สีทองอร่ามที่งดงามกว้างไกลสุดสายตา สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวนับแสนคนจากทั่วประเทศให้เดินทางมาเที่ยวชมและ ถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก

เกษตรกรจะทำการเพาะปลูกหรือหว่านเมล็ดพันธุ์ตั้งแต่ประมาณเดือนกันยายนเป็นต้นไป ดอกทานตะวันจะบานและให้เมล็ดเมื่ออายุครบ 55-60 วัน และจะบานสวยงามเต็มที่ประมาณ 15 วัน หลังจากนั้นเกษตรกรจะปล่อยให้เมล็ดทานตะวันแห้งคาต้น แล้วจึงเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิต
เมล็ดทานตะวันสามารถให้น้ำมันที่มีคุณภาพในปริมาณสูงถึง 45% ต่อน้ำหนัก และยังมีคุณค่าอาหารอื่นๆ อีกมาก เช่น โปรตีน แป้ง เกลือแร่ โดยไม่มีคอเลสเตอรอล เพราะเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น กรดลิโนเลอิค กรดอาซิโนอิค สูงถึง 60-70 % ซึ่งจะช่วยให้ปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดไม่สูงเกินไป ทำให้ลดปัญหาโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์แก่ร่างกายอีกมาก เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ เค บี 2 อี และ ดี กากเมล็ดพืชที่เหลือจากการสกัดน้ำมัน สามารถนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ น้ำมันทานตะวันนอกจากจะใช้บริโภคในรูปของน้ำมันสลัดและปรุงอาหารแล้ว ยังนำไปใช้ในอุตสาหกรรมเนยเทียม สบู่ สีน้ำมันขัดเงา ส่วนเมล็ดสามารถนำไปกะเทาะเปลือกและอบโรยเกลือเป็นอาหารขบเคี้ยวที่ให้ ประโยชน์แก่ร่างกายได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทานตะวันมีอยู่หลายอย่าง อาทิ เมล็ดทานตะวันอบแห้ง คุ้กกี้ทานตะวัน ข้าวเกรียบ ข้าวตังทานตะวัน น้ำผึ้งดอกทานตะวัน เกสรผึ้ง นมผึ้ง เป็นต้น
สำหรับการจัดงานทางจังหวัดสระบุรีได้เตรียมความพร้อมที่จะให้ดอกทานตะวันบานสลับหมุนเวียนไปในแต่ละอำเภอ / พื้นที่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชื่นชมและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ตลอดจนการให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการปลูกดอกทานตะวัน การนำเอาผลผลิตจากเมล็ดทานตะวันไปใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภค รวมทั้งการเลือกซื้ออาหารเพื่อสุขภาพ เช่น เมล็ดทานตะวันคั่วสด ๆ จากไร่ หรือหาซื้อน้ำผึ้งทานตะวันเป็นของฝาก ซึ่งนอกจากการเที่ยวชมทุ่งทานตะวันแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปนมัสการพระพุทธบาท พระพุทธฉาย การเที่ยวชมถ้ำหรือน้ำตก การเยี่ยมชมไร่องุ่น และการจิบไวน์ ลิ้มลองสเต็กเนื้อนุ่ม เป็นต้น
ประวัติดอกทานตะวัน
ประวัติโดยย่อของดอกทานตะวัน ถือกำเนิดโดยการนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่น นำมาปลูกที่คลองตะเคียน พระนครศรีอยุธยาในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ช่วงประมาณปี พ.ศ. ๒๑๙๙ ตั้งแต่สมัยอยุธยานานมากมาแล้วต่อมาต้นทานตะวันได้มีการปลูกแพร่หลายเป็นไม้ประดับที่นิยมในประเทศไทย ทานตะวัน แปลว่า การทาน กั้น ขวางตะวัน หรือ ต่อต้านกั้นตะวัน หากเราสังเกตดูให้ดีจะเห็นว่าดอกทานตะวันจะหันดอกเข้าหาตะวัน (พระอาทิตย์) เสมอ จนบางคนถึงกับกล่าวว่า น่าที่จะเรียกว่า “ดอกตามตะวัน” จะเหมาะกว่า แต่ในอีกความหมายก็ว่า “ทานตะวัน” คือเป็นเหมือนกับการทนทานกับแสงแดด หรือแสงอาทิตย์ เพราะมันหันหน้าเข้าหาอยู่ตลอดเวลา จึงน่าจะแปลได้ความหมายเป็นอย่างหลังมากกว่า อีกนัยหนึ่งคือ “ไม่ถึงตะวัน” ถึงจะมีความทนทานต่อแสงอันร้อนแรงของพระอาทิตย์ แต่ก็ไม่สามารถไปถึงตะวันได้
ในเรื่องของเทวปกรฌัม ยังได้กล่าวถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อไคลที (Clytie) อาศัยอยู่ถ้ำใต้ทะเลลึก มีแต่ทราย หอยและเปลือกหอย โดยอาศัยนอนอยู่ในเปลือกหอยก้นทะเลไม่เคยขึ้นมาบนฝั่ง มีแต่คลื่นสีเขียวอยู่ใต้น้ำทะเล เนื่องจากแสงอาทิตย์ส่องลงไปไม่ถึง นางฟ้าไคลทีเป็นเทพีแห่งน้ำเกิดในน้ำหรืออาจเรียกว่าพรายน้ำก็ว่าได้ อยู่อาศัยอย่างเป็นสุขสงบเรื่อยมาจนเติบโตขึ้นเป็นสาวน้อยอยู่มาจนกระทั่ง วันหนึ่งเกิดมีพายุพัดกระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยพัดลงไปถึงข้างล่างใต้ทะเลเลย พัดอยู่เพียงพื้นผิวน้ำชั้นบนเท่านั้น แต่คราวนี้ได้เกิดพายุพัดกระหน่ำเป็นคลื่นม้วนตัวลงไปข้างใต้น้ำ แล้วพัดพาเอาสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างใต้นั้นขึ้นมาอยู่ข้างบนแทน ซึ่งไคลทีก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นที่ต้องขึ้นมาอยู่บนโลกมนุษย์ เมื่อถูกคลื่นทะเลซัดขึ้นมาถึงฝั่งฟื้นคืนสติก็มองเห็นแสงแดด มองเห็นพืชพันธุ์ต้นไม้ต่าง ๆ ที่สวยงาม และที่สวยที่สุดก็คือแสงแห่งตะวันที่สาดส่องลงมาตรงบริเวณเกาะหรือตรงพื้น แผ่นดินนั้น ส่องไปทุก ๆ ที่ที่ไคลทีมอง ไคลทีเพิ่งได้มีโอกาสเห็นแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรก ก็เกิดความรักในพระอาทิตย์ขึ้นมา คือรักเทพอพอลโล (Apollo) เพราะเห็นความงามของอพอลโล(Apollo)

ดอกทานตะวัน



ดอกทานตะวันเป็นพืชน้ำมันที่มีความสำคัญพืชหนึ่ง น้ำมันที่ได้จากการสกัดจากเมล็ดทานตะวันจะมีคุณภาพสูง ที่ประกอบด้วยกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว เช่น กรดลิโนเลนิค หรือกรดลิโนเลอิค ที่จะช่วยลดโคเลสเตอร์รอลที่เป็นสาเหตุของโรคไขมัน อุดตันในเส้นเลือด นอกจากนี้น้ำมันจากทานตะวันยังประกอบด้วยวิตามิน เอ ดี อี และเคด้วย ผลผลิตส่วนใหญ่อยู่ในเขตอบอุ่น เช่น สหภาพโซเวียต อาร์เจนตินา และประเทศในแถบยุโรปตะวันออก สำหรับประเทศไทย ได้มีการส่งเสริมให้มีการปลูกทานตะวันเป็นอาชีพเสริมมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลผลิตให้เพียงพอกับอุตสาหกรรมพืชน้ำมัน และความต้องการของผู้บริโภค ทั้งนี้ เพราะทานตะวันเป็นพืชที่มีอายุสั้นระบบรากลึก มีความทนทานต่อสภาพแห้งแล้งได้ดีกว่าพืชอื่น ๆ แหล่งปลูกที่สำคัญได้แก่ จังหวัดลพบุรี เพชรบูรณ์ และสระบุรี 
 ทานตะวันเป็นพืชที่มีการปรับตัวเข้ากับสภาพของเขตร้อนได้ดีพอสมควรไม่ไว ต่อแสง สามารถออกดอกให้ผลได้ทุกสภาพช่วงแสง ปลูกได้ในบริเวณที่มีการปลูกข้าวโพด ข้าวฟ่าง เมื่อทานตะวันตั้งตัวได้แล้ว จะมีความทนทานต่อสภาพแห้งและร้อนได้พอสมควร และจะเริ่มเติบโตทันทีเมื่อมีฝน นอกจากนี้ทานตะวันยังมีความทนทานต่อสภาพอากาศเย็นจัดได้ดีกว่าข้าวโพด ข้าวฟ่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะต้นกล้า ทานตะวันขึ้นได้กับดินหลายประเภท แต่จะขึ้นได้ดีในสภาพดินที่มีผิวดินหนาและอุ้มความชื้นไว้ได้ดี สามารถทนต่อสภาพความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ตลอดจนสภาพดินเกลือและเป็นด่างจัดได้พอสมควร ซึ่งดินเหล่านี้จะมีอยู่เป็นจำนวนมากในเขตแห้งแล้งทั่ว ๆ ไป
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
     ทานตะวันเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับเบญจมาส คำฝอย ดาวเรือง เป็นพืชล้มลุกที่มีปลูกกันมากในเขตอบอุ่น การที่มีชื่อเรียกว่า “ทานตะวัน” เพราะลักษณะการหันของช่อดอกและใบจะหันไปทางทิศของดวงอาทิตย์ คือ หันไปทางทิศตะวันออกในตอนเช้า และทิศตะวันตกในตอนเย็น แต่การหันจะลดน้อยลงเรื่อย ๆ หลังจากมีการผสมเกสรแล้วไปจนกระทั่งถึงช่วงดอกแก่ ซึ่งช่อดอกจะหันไปทิศตะวันออกเสมอนั้นเองค่ะ
ราก เป็นระบบรากแก้วหยั่งลึกลงไปประมาณ 150-270 เซนติเมตร มีรากแขนงค่อนข้างแข็งแรงแผ่ขยายไปด้านข้างได้ยาวถึง 60-150 เซนติเมตร เพื่อช่วยค้ำจุนลำต้นได้ดี และสามารถใช้ความชื้นระดับผิวดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ลำต้น ส่วนใหญ่ไม่มีแขนง แต่บางพันธุ์มีการแตกแขนง ขนาดของลำต้น ความสูง การแตกแขนงขึ้นอยู่กับพันธุ์และสภาพแวดล้อม ความสูงของต้นอยู่ระหว่าง 1-10 เซนติเมตร การโค้งของลำต้นตรงส่วนที่เป็นก้านช่อดอกมีหลายแบบ แบบที่ต้องการคือแบบที่ ส่วนโค้งตรงก้านช่อดอกคิดเป็นร้อยละ 15 ของความสูงของลำต้น พันธุ์ที่มีการแตกแขนง อาจมีความยาวของแขนงสูงกว่าลำต้นหลักแขนงอาจแตกมาจากส่วนโคนหรือยอด หรือตลอดลำต้นก็ได้
ใบ เป็นใบเดี่ยวเกิดตรงกันข้าม หลังจากที่มีใบเกิดแบบตรงกันข้ามอยู่ 5 คู่แล้ว ใบที่เกิดหลังจากนั้นจะมีลักษณะวน จำนวนใบบนต้นอาจมีตั้งแต่ 8-70 ใบ รูปร่างของใบแตกต่างกันตามพันธุ์ สีของใบอาจมีตั้งแต่เขียวอ่อน เขียว และเขียวเข้ม ใบที่เกิดออกมาจากตายอดใหม่ ๆ ก้านใบจะอยู่ในแนวตั้งจนกระทั้งใบมีความยาว 1 เซนติเมตร ปลายยอดจะค่อย ๆ โค้งลงจนเมื่อใบแก่แล้วก็จะโค้งลงมาเป็นรูปตัวยู (U) การสร้างใบจะมีมากจนกระทั่งดอกบาน หลังจากนั้นการสร้างใบจะลดน้อยลง
ดอก เป็นรูปจาน เกิดอยู่บนตายอดของลำต้นหลัก หรือแขนงลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางของดอกอยู่ระหว่าง 6-37 เซนติเมตร ซึ่งขึ้นกับพันธุ์และสภาพแวดล้อม ดอกมีลักษณะเป็นแบบช่อดอก ประกอบด้วยดอกย่อยเป็นจำนวนมาก ซึ่งแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1. ดอกย่อยที่อยู่รอบนอกจานดอก เป็นดอกที่ไม่มีเพศ (เป็นหมัน) มีกลับดอกสีเหลืองส้ม
2. ดอกย่อยที่อยู่ในจานดอก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ มีเกสรตัวผู้ที่พร้อมจะผสมได้ก่อนเกสรตัวเมีย และสายพันธุ์ผสมเปิดส่วนใหญ่ผสมตัวเองน้อยมาก
ในแต่ละจานดอกจะมีดอกย่อยอยู่ประมาณ 700-3,000 ดอก ในพันธุ์ที่ให้น้ำมัน ส่วนพันธุ์อื่น ๆ อาจมีดอกย่อยถึง 8,000 ดอก การบานหรือการแก่ของดอกจะเริ่มจากวงรอบนอกเข้าไปสู่ศูนย์กลางของดอก ดอกบนกิ่งแขนงจะมีขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นแขนงที่แตกออกมาตอนแรก ๆ ดอกจะมีขนาดใหญ่เกือบเท่ากับดอกบนลำต้นหลัก ส่วนใหญ่พันธุ์ที่ปลูกเป็นการค้า มักจะเลือกต้นชนิดที่มีดอกเดี่ยว เพื่อความสมบูรณ์ของดอก และให้เมล็ดที่มีคุณภาพดี
เมล็ด (หรือผล) ประกอบด้วยเนื้อใน ซึ่งถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเปลือกที่แข็งแรง เมื่อผลสุกส่วนของดอกที่อยู่เหนือรังไข่จะร่วง ผลที่มีขนาดใหญ่จะอยู่วงรอบนอก ส่วนผลที่อยู่ข้างในใกล้ ๆ กึ่งกลางจะมีผลเล็กลง
เมล็ดทานตะวัน แบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ คือ
1. เมล็ดใช้สกัดน้ำมัน จะมีเมล็ดเล็ก สีดำ เปลือกเมล็ดบางให้น้ำมันมาก
2. เมล็ดใช้รับประทาน จะมีเมล็ดโตกว่าพวกแรก เปลือกหนาไม่ติดกับเนื้อในเมล็ด เพื่อสะดวกในการกะเทาะแล้วใช้เนื้อในรับประทาน โดยอบหรือปรุงแต่งขนมหวาน หรือทำเป็นแป้งประกอบอาหาร หรือใช้เมล็ดคั่วกับเกลือแล้วแทะเปลือกออกรับประทานเนื้อข้างในเป็นอาหาร ว่างเช่นเดียวกับเมล็ดแตงโม
3. เมล็ดใช้เลี้ยงนก ใช้เมล็ดเป็นอาหารเลี้ยงนก หรือไก่โดยตรง
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
 ทานตะวันชอบอากาศอบอุ่นในเวลากลางวันและอากาศเย็นในเวลากลางคืน อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ อยู่ระหว่าง 18-25 องศาเซลเซียส สภาพความเป็นกรด-ด่าง ของดินประมาณ 5.7-8 สามารถขึ้นได้ในดินแทบทุกประเภท แต่ที่ขึ้นได้ดีคือดินที่มีหน้าดินลึกที่อุ้มน้ำได้ดี แต่ไม่ชอบน้ำขังและไม่ชอบดินที่มีลักษณะเป็นกรด หากดินที่ปลูกมีความชื้นต่ำ ผลผลิตของเมล็ดจะต่ำลงมากค่ะ

ความหมายของดอกไม้

ความหมายของดอกไม้


 
          ดอกไม้ นอกจากจะสวยงาม เป็นสีสันของโลกใบนี้ ดอกไม้ยังสร้างความสดชื่นให้แก่ผู้พบเห็นทั้งรูปทรง และความหอมชื่นใจ นอกจากนี้แล้ว ดอกไม้ยังมีความหมายพิเศษๆอีกด้วย สำหรับคุณที่ชื่นชอบดอกไม้ ทั้งผู้ให้และผู้รับ ลองมาดูความหมายของดอกไม้กัน เพื่อให้ดอกไม้สวยๆเหล่านี้ เป็นความหมายดีๆ ที่คุณต้องการจะบอกใครสักคนที่พิเศษและแตกต่างเยบีร่า = เธอคือแสงอาทิตย์ แห่งชีวิตฉัน
ไอวี่ = ในความรู้สึกของฉัน เธอคือเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
ซ่อนกลิ่น = ฉันแอบรักเธออยู่นะ” หรือ ฉันหยิ่งเกินกว่าจะเอ่ยปากบอกรักกับเธอก่อน
ทานตะวัน = รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์
แกลดิโอลัส = ยินดีด้วยสำหรับความสำเร็จ ครั้งนี้
ดอกบัว = รักด้วยความศรัทธาและชื่นชม
ดอกหญ้า = ฉันรักเธอ แต่ขอเธออย่าผูกมัดฉันเลยนะคนดี
กล้วยไม้ = ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้
มะลิ = เธอคือผู้ที่ฉันสุดรักสุดบูชา หรือ เธอคือดอกฟ้าผู้สง่างามและสูงส่ง
ลิลลี่ = เธอเป็นรักแรกของฉันนะ คนดี
กุหลาบแดง = เธอช่างสวยเหลือเกิน
กุหลาบขาว = ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
กุหลาบสีเหลือง = ขอเป็นชู้ทางใจ
ที่มา: บ้านและสวน
คุณรู้หรือไม่ว่าดอกไม้แทบทุกชนิดมีค่าและมีความหมาย ในตัวเอง เรามาดูความหมายดีๆ ของดอกไม้กันดีกว่าค่ะ
กล้วยไม้
เป็นดอกไม้ที่ไว้บอกภาษารักว่า “ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้”


กล้วยไม้
บอกภาษารักว่า “ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้
Gardenia
สำหรับส่งให้กับคนขึ้อาย เพราะมันหมายถึงความรักที่เป็นความลับ
ความหมายของดอกกุหลาบ
          กุหลาบแดงและขาวรวมกัน : ดอกไม้สำหรับสื่อความหมายให้รู้ว่า “สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน”
          กุหลาบสีชมพู : ดอกไม้สำหรับความงดงามและความอ่อนโยน
          กุหลาบสีเหลือง : เป็นดอกไม้ที่บอกเป็นนัยว่า “ขอเป็นชู้ทางใจ” หรือ หมายถึงความสุข สนุกสนาน ร่าเริง
          กุหลาบสีส้ม : ดอกไม้เพื่อบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมา กุหลาบแดงเข้ม(สีเหมือนไวน์แดง) แทนคำว่า “เธอช่างสวยเหลือเกิน” 
          กุหลาบสีขาว : ดอกไม้สำหรับบอกว่า “ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน”
          กุหลาบตูมที่มีทั้งใบและหนาม : เป็นดอกไม้ที่บอกให้รู้ว่า “แม้ฉันจะวิตกอยู่บ้าง แต่รู้ว่าเธอคงไม่ปฎิเสธ”
          กุหลาบตูมที่ริดใบทิ้งหมด : ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ให้รู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าน่ากลัวไปหมด
          กุหลาบตูมที่ริดหนามทิ้งหมด : ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นถึงความหวังที่มีอย่างเปี่ยมล้น
          กุหลาบตูมสีแดง : ดอกไม้ที่แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไร้เดียงสา “รักของฉันเพิ่งแรกแย้ม และอ่อนต่อโลก”
          กุหลาบตูมสีขาว : ดอกไม้ที่แสดงถึงความมีเสน่ห์น่าหลงใหล ไร้เดียงสาในเรื่องความรัก
          กุหลาบบานหนึ่งดอก และกุหลาบตูม 2 ดอก : เป็นดอกไม้ที่บอกว่า “นี่คือความรักที่ฉันแอบซ่อนไว้”
          กุหลาบบานสีแดง : ดอกไม้สำหรับบอกให้รู้ว่า “ฉันรักเธอเข้าแล้ว”
          กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว : เป็นดอกไม้ที่เขาอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า “ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว”
          กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว : ดอกไม้สำหรับแทนความหมาย “เสน่ห์ของเธอมันจืดจางลงแล้ว”
          กุหลาบไร้หนาม : เป็นดอกไม้ที่สื่อให้รู้ว่า “เธอช่างมีเสน่ห์น่าหลงไหลแม้ยามแรกพบ”
          กุหลาบดอกเดียว : ดอกไม้สำหรับแทนความหมาย “รักฉันแม้เรียบง่าย แต่ก็มั่นคงกับเธอผู้เดียว” 

กุหลาบสีดำ
กุหลาบสีดำ สื่อความหมายถึง ความเศร้าโศก หรือ ความตาย หรืออีกนัยหนึ่งแปลได้ว่า รักนิรันดร์
กุหลาบสีม่วง
กุหลาบสีม่วง สื่อความหมายถึง รักแรกพบ (First Love)
กุหลาบสีส้ม
กุหลาบสีส้ม สื่อความหมายถึง ความรู้สึกที่ต้องการบอกกับผู้ที่ได้รับว่า “ฉันยังรักเธอเหมือนเดิม”
กุหลาบสีเหลือง
กุหลาบสีเหลือง สื่อความหมายถึง มิตรภาพ ความห่วงใย และความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
กุหลาบสีขาว
กุหลาบสีขาว สื่อความหมายถึง ความบริสุทธิ์ใจ ความมีเสน่ห์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ
กุหลาบสีชมพู
กุหลาบสีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักอันอ่อนโยนที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์
กุหลาบสีแดง
กุหลาบสีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นสิ่งนำโชคมาให้แก่ผู้ที่ได้รับ
กุหลาบ
กุหลาบแดงและขาวรวมกัน สื่อความหมายให้รู้ว่า “สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
 
 

  • กุหลาบสีชมพู หมายถึง ความงดงามและความอ่อนโยน
  • กุหลาบสีเหลือง บอกเป็นนัยว่า “ขอเป็นชู้ทางใจ” หรือ หมายถึงความสุข สนุกสนาน ร่าเริง
  • กุหลาบสีส้ม เพื่อบอกความในใจถึงความรักและสิ่งที่ผ่านมา
  • กุหลาบแดงเข้ม(สีเหมือนไวน์แดง) แทนคำว่า “เธอช่างสวยเหลือเกิน”
  • กุหลาบสีขาว บอกว่า “ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน”
  • กุหลาบตูม ที่มีทั้งใบและหนาม บอกให้รู้ว่า “แม้ฉันจะวิตกอยู่บ้าง แต่รู้ว่าเธอคงไม่ปฎิเสธ”
  • กุหลาบตูมที่ริดใบทิ้งหมด แสดงให้เห็นว่าผู้ให้รู้สึกทุกสิ่งทุกอย่าน่ากลัวไปหมด
  • กุหลาบตูมที่ริดหนามทิ้งหมด แสดงให้เห็นถึงความหวังที่มีอย่างเปี่ยมล้น
  • กุหลาบตูมสีแดง แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไร้เดียงสา “รักของฉันเพิ่งแรกแย้ม และอ่อนต่อโลก”
  • กุหลาบตูมสีขาว แสดงถึงความมีเสน่ห์น่าหลงใหล ไร้เดียงสาในเรื่องความรัก
  • กุหลาบบานหนึ่งดอก และกุหลาบตูม 2 ดอก อยากบอกว่า “นี่คือความรักที่ฉันแอบซ่อนไว้”
  • กุหลาบบานสีแดง บอกให้รู้ว่า “ฉันรักเธอเข้าแล้ว”
  • กุหลาบสีแดงที่โรยแล้ว เขาอยากจะบอกให้คุณรู้ว่า “ความรักของเรานั้นจบลงแล้ว”
  • กุหลาบสีขาวที่โรยแล้ว แทนความหมาย “เสน่ห์ของเธอมันจืดจางลงแล้ว”
  • กุหลาบไร้หนาม ให้รู้ว่า “เธอช่างมีเสน่ห์น่าหลงไหลแม้ยามแรกพบ”
  • กุหลาบดอกเดียวแทนความหมาย “รักฉันแม้เรียบง่าย แต่ก็มั่นคงกับเธอผู้เดียว”

จำนวนดอกไม้บอกความหมาย
          1              รักแรกพบ
          2              แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
          3              ฉันรักเธอ
          7              คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
          9              เราสองคนจะรักกันตลอดไป
          10            คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
          11            คุณเป็นสมบัติที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
          12            ขอให้เธอเป็นคู่ฉันเพียงคนเดียว
          13            เพื่อนแท้เสมอ
          15            ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
          20            ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
          21            ชีวิตนี้ฉันมอบเพื่อเธอ
          36            ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
          40            ความรักของฉันเป็นรักแท้
          99            ฉันรักเธอจนวันตาย
          100          ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
          101          ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
          108          คุณจะแต่งงานกับฉันไหม
          999          ฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย

<!–
[กลับหัวข้อหลัก][ แก้ไข ]
–>
 
จำนานกุหลาบสื่อความหมาย
          หากวันใด ที่คนรักคุณให้ดอกกุหลาบ คุณสงสัยว่าเขาต้องการบอกอารายกับคุณ แต่คุณจะรู้ได้อย่างไร เพียงแค่คุณนับจำนวนดอกกุหลาบ แล้วคุณก็จะรู้ ว่าเขาต้องการสื่อะไรกับคุณจำนวนดอกไม้  ความหมาย1 ดอก เธอเป็นหนึ่งเดียวในใจฉัน
2 ดอก มีเพียงสองเราเท่านั้น
3 ดอก คือ 3 คำนี้ “ฉันรักเธอ”
5 ดอก เต็มใจให้เธอไม่เสียใจ
7 ดอก แล้วสิ่งดี ๆ ก็จะบังเกิดมีแก่เราสอง
8 ดอก ทดแทนสิ่งที่ขาดหายไป (วันเวลา)
9 ดอก รักเราจะยืนยันมั่นคงตราบนิรันดร์
11 ดอก ให้เธอเป็นยิ่งกว่าหนึ่งเดียวของฉัน(มี 1 สองตัว)
12 ดอก เราสองเข้าใจกันยึดมั่นในรักเดียว
24 ดอก จะคิดถึงเธอ 24 ชั่วโมงเลย
33 ดอก ตายแล้วเกิด 3 ชาติก็ขาดเธอไม่ได้
50 ดอก รักที่แสนจะยืนยาวไม่มีอะไรมาหยุดไม่ให้เรารักกันได้
66 ดอก รักเราจะเหมือนกับสายน้ำที่ไม่เคยหยุดนิ่งเราจะรินน้ำใจให้กันและกัน
100 ดอก เราจะครองรักกันตลอดไปจนแก่เฒ่า
101 ดอก รักของเรามั่นคงในรัก
108 ดอก ฉันจะรักเธอตลอดไป
365 ดอก ฉันรักเธอทุกวันเลยนะ
999 ดอก รักของเราจะมีแต่สิ่งดี ๆ ตลอดไป
1,009 ดอก ฉันรักเธอชั่วฟ้าดินสลายไร้คำบรรยาย
9,999 ดอก แทนความรักและความจริงใจทั้งหมดของฉันที่มีให้เธอ
10,000 ดอก ขอให้ความรักของเรามั่นคงยั่งยืนหมื่น ๆ ปี
ที่มา http://www.yailek.com

แกลดิโอลัส
สมควรส่งให้สาวที่เข้มแข็ง และมีความมั่นใจ เพราะแทนคำว่า “เธอช่างเป็นสาวมั่นจริงๆ นะ” และยังเหมาะที่จะใช้เป็นดอกไม้แสดงความยินดี แทนคำว่า “ยินดีด้วยสำหรับความสำเร็จ ครั้งนี้
คาร์เนชั่น
 
 

  • สีแดง “เห็นใจในความรักของฉันที่มีต่อเธอบ้าง” เป็นลูกออดอ้อนให้ใจอ่อน
  • สีชมพูหวาน “ความรักของฉันกำลังจะผลิบาน โปรดถนอมหัวใจรักฉันด้วย”
  • คาร์เนชั่นลาย ถ้าอยากปฏิเสธใครที่มาตามตื้อ ต้องรีบส่งไปเพราะมันหมายถึง “ไม่ได้คิดอะไรด้วยเลย”
  • คาร์เนชั่นที่ถูกดึงกลีบดอกออกไป เป็นการปฏิเสธความรักโดยสิ้นเชิง ประมาณว่า “ฉันไม่เคยคิดรักเธอเลย”

เดซี่
ดอกไม้ที่ดูน่ารักสื่อภาษาใจว่า“สำหรับคุณที่ไร้เดียงสา”
ทานตะวัน
เป็นดอกไม้ที่แทนสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว และมีนัยถึงศิลปะที่งดงาม ถ้าได้รับดอกทานตะวันเหมือนได้รับสารว่า “แม้เธอจะเย่อหยิ่งเพียงไร แต่สักวันฉันจะชนะใจเธอ” และยังหมายถึง “รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย ์”


ทานตะวัน
เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อมั่น ความมั่นคง รักเดียวใจเดียว และมีนัยถึงศิลปะที่งดงาม ถ้าได้รับดอกทานตะวันเหมือนได้รับสารว่า “แม้เธอจะเย่อหยิ่งเพียงไร แต่สักวันฉันจะชนะใจเธอ” และยังหมายถึง “รักของฉันมั่นคงและภักดีต่อเธอเสมอ ดุจดั่งทานตะวันที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์
ทิวลิป
เป็นดอกไม้ที่หมายถึงการตกหลุมรักหัวปักหัวปำ ความรักที่ฉาบฉวยและจืดจางอย่างรวดเร็ว
ทิวลิปสีแดง : ดอกไม้ที่สื่อว่า “อยากให้โลกรู้ว่าฉันรักเธอ”
ทิวลิปสีเหลือง : ดอกไม้ที่สื่อว่า มีหางเสียงเศร้าๆ ว่า “ฉันหมดหวังในรักเธอแล้วหรือไร”
ทิวลิปหลากสีในช่อเดียวกัน : ดอกไม้ที่หมายความว่า “ดวงตาแสนสวยของเธอทำให้ฉันคลั่งไคล้”


ทิวลิป
มีความหมายถึงการตกหลุมรักหัวปักหัวปำ ความรักที่ฉาบฉวยและจึดจางอย่างรวดเร็ว
 
 

  • ทิวลิปสีแดง “อยากให้โลกรู้ว่าฉันรักเธอ”
  • สีเหลือง มีหางเสียงเศร้าๆ ว่า “ฉันหมดหวังในรักเธอแล้วหรือไร”
  • ทิวลิปหลากสีในช่อเดียวกันหมายความว่า “ดวงตาแสนสวยของเธอทำให้ฉันคลั่งไคล้”

บัว
เป็นดอกไม้แทนความสงบและความบริสุทธิ์ใจ จึงเป็น “รักด้วยความศรัทธาและชื่นชม
Petunia
ส่งให้กับคนที่โกรธ ให้รู้ว่า “ฉันไม่มีวันให้อภัยเธอ
พุทธรักษา
ดอกไม้สัญลักษณ์ ประจำวันพ่อ สื่อแทนความหมายว่า”รักและเคารพคุณพ่อที่สุด ”
แพนซี่
สื่อแทนความหมายของหัวใจว่ารำพึงรำพันถึงความรัก
มะลิ
บริสุทธิ์ ผุดผ่อง และอ่อนโยน มะละแทนความหมาย “เธอคือผู้ที่ฉันสุดรักสุดบูชา” หรือ “เธอคือดอกฟ้าผู้สง่างามและสูงส่ง

เยบีร่า
เธอคือแสงอาทิตย์ แห่งชีวิตฉัน
Lilac
นั้นเป็นการส่งให้กับความรักครั้งแรก
ดอกลิลลี่
เป็นดอกไม้ที่แทนความรักอ่อนหวาน บริสุทธิ์ อ่อนไหวต่อโลก “เธอเป็นรักแรกของฉันนะ คนดี”


ลิลลี่
ลิลลี่ แทนความรักอ่อนหวาน บริสุทธิ์ อ่อนไหวต่อโลก “เธอเป็นรักแรกของฉันนะ คนดี
ดอกหญ้า
คือความรักที่เปี่ยมด้วยอิสระ แทนความว่า “ฉันรักเธอ แต่ขอเธออย่าผูกมัดฉันเลยนะคนดี
ไอวี่
ในความรู้สึกของฉัน เธอคือเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น” เหมาะกับการปฏิเสธแบบสุภาพเพื่อรักษาน้ำใจ

ชมดอกทานตะวันบานสะพรั่ง ณ ทุ่งทานตะวัน

ทุ่งทานตะวัน ลพบุรี

ทุ่งทานตะวัน ลพบุรี

ทุ่งทานตะวัน

ทุ่งทานตะวัน
ทุ่งทานตะวัน

ทุ่งทานตะวัน

ทุ่งทานตะวัน

ทุ่งทานตะวัน


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ททท. และ คุณ Eddy

          สายลมพัดอ่อน ๆ แสงแดดเจิดจ้า สะท้อนความสดใสของ "ดอกทานตะวัน" ที่บานสะพรั่งไปทั่วทั้งท้องทุ่ง ... แค่เอ่ยแบบนี้คงทำให้ใครหลาย ๆ คน คิดอยากจะไปท่องเที่ยว สัมผัสความสวยงามของ "ทุ่งทานตะวัน" อันเลื่องชื่อของจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรีกันแล้วแน่ ๆ วันนี้กระปุกดอทคอมขออาสาเป็นไกด์ พาไปทัวร์ พร้อม ๆ กับนำเรื่องราวเกี่ยวกับกิจกรรมการท่องเที่ยว "ทุ่งทานตะวัน" มาบอกเล่าเก้าสิบกันค่ะ...

          ทุ่งทานตะวัน ตั้งอยู่ที่บริเวณเขตติดต่อระหว่าง จังหวัดลพบุรี และ จังหวัดสระบุรี ตามเส้นทางสายพัฒนานิคม-วังม่วง มีการทำไร่ทานตะวันกันมากในช่วงฤดูหนาวราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ริมฝั่งถนนจะสะพรั่งไปด้วยสีเหลืองทองอร่าม งดงามกว้างไกลสุดสายตาของดอกทานตะวัน บานชูช่อเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้ผ่านมาบริเวณนี้เป็นอย่างมาก


ทุ่งทานตะวัน

ทุ่งทานตะวัน

จังหวัดลพบุรี 

          สำหรับจังหวัดลพบุรีมีการปลูกทานตะวันมากที่สุดในประเทศไทย คือ ประมาณ 200,000 – 300,000 ไร่ ดอกทานตะวันจะบานสะพรั่งในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม โดยแหล่งที่ปลูกทานตะวัน จะกระจายอยู่ทั่วไปในเขตอำเภอเมือง อำเภอพัฒนานิคม อำเภอชัยบาดาล พื้นที่ที่ปลูกเป็นจำนวนมาก ได้แก่ บริเวณเขาจีนและใกล้วัดเวฬุวันตำบลโคกตูมอำเภอเมือง การเดินทางลพบุรี ใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน (ลพบุรี - สระบุรี) ถึงกิโลเมตรที่ 4 เลี้ยวซ้าย ไปตามทางหลวงหมายเลข 3017 (ทางไปตำบลโคกตูม) ระยะทางประมาณ 8 กม. จะถึงทางเข้าวัดเวฬุวัน (ด้านซ้ายมือ) เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 2 กม. จะถึงทุ่งทานตะวัน สำหรับรถโดยสารประจำทาง มีรถสองแถวลพบุรี - วังม่วง ผ่านทางเข้าวัดเวฬุวัน รถออกจากสถานีขนส่งลพบุรี ระหว่างเวลา 06.20 - 17.00 น.

          นอกจากนี้ ยังมีแหล่งปลูกทานตะวันกระจัดกระจาย ไปตามเส้นทางที่จะไปอำเภอพัฒนานิคม บริเวณช่องสาริกา (เข้าทางวัดมณีศรีโสภณ) ริมทางหลวงหมายเลข 21 และบริเวณตำบลชอนน้อย ทางหลวงหมายเลข 3334

กำหนดการท่องเที่ยวทุ่งทานตะวัน จังหวัดลพบุรี ประจำปี 2553

          1. ทุ่งทานตะวัน ชอนน้อย ตำบลชอนน้อย ซอย 20 สาย 4 เขาอ้ายก้าน ต.ชอนน้อย อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี วันจัดงาน 12 – 25 พฤศจิกายน 2553 ขนาดพื้นที่ 120 ไร่, 26 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2553 ขนาดพื้นที่ 100 ไร่ และ 1 – 15 มกราคม 2553 ขนาดพื้นที่ 100 ไร่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณสนิท เจ้าย่าน โทรศัพท์ 089 - 9804690 และ อบต.ชอนน้อย โทรศัพท์ 036 – 491340

          2. ไร่ทานตะวันคุณจำปี กม.30 – 31 ทางหลวง 3017 ซอย 15 – 16 ต.พัฒนานิคม อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี วันจัดงาน ได้แก่ แปลงที่ 1 วันที่ 5 – 20 พ.ย. 53 บริเวณ กม.31-560 (3017) ขนาดพื้นที่ 25 ไร่, แปลงที่ 2 วันที่ 21 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 2553 บริเวณ กม.31-400 (3017), แปลงที่ 3 ที่ 4 วันที่ 9 – 23 ธันวาคม 2553 บริเวณ กม.30-00 (3017) และแปลงที่ 5 วันที่ 1 – 20 มกราคม 2554 บริเวณ 31 – 480 (3017) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณวัฒนา แย้มเจิม โทรศัพท์ 089 – 8002399

          3. ทุ่งทานตะวันไร่คุณณรงค์ มุกดารา ทางหลวงหมายเลข 3017 ซอย 24 (ก่อนถึงเขื่อน 4 กม.) ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี วันจัดงาน 28 พฤศจิกายน – 25 ธันวาคม 2553 ขนาดพื้นที่ 50 ไร่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณณรงค์ มุกดารา 086 – 0687745 หรือ http://www.sunflower.name/

          4. ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล (วัดเวฬุวัน) บริเวณ ทางเข้าวัดเวฬุวัน บ้านท่าเดื่อ ต.นิคมสร้างตนเอง อ.เมือง จ.ลพบุรี วันจัดงาน 3 – 12 ธันวาคม 2553 ขนาดพื้นที่ 1,500ไร่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองยุทธการและการข่าว ศูนย์สงครามพิเศษ โทรศัพท์ 036 - 422774

          5. ทุ่งทานตะวันบาน ไร่คุณปู่ ก.ม. 11 – 12 ถนนหมายเลข 21 อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี วันจัดงาน 5 - 15 ธันวาคม 2553 ขนาดพื้นที่ 50 ไร่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ไร่คุณปู่ โทรศัพท์ 081 - 9472935

          6. ทุ่งทานตะวันบ้านซับราง ตั้งอยู่บริเวณนิคมบ่อ 6 วันจัดงานคือช่วงเดือนธันวาคม 2553 ขนาดพื้นที่ 1,000 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลโคกตูม โทรศัพท์ 036-420842

          ทั้ง นี้ สอบถามรายละเอียดได้ที่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดลพบุรี อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี  โทร. 0 3641 3822, กองกิจการพลเรือนศูนย์สงครามพิเศษ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี โทร. 0 3642 2774, ที่ว่าการอำเภอพัฒนานิคม โทร. (036) 491258, เกษตรอำเภอเมืองลพบุรี โทร. (036) 411202, 412338 และเกษตรอำเภอพัฒนานิคม โทร. (036) 491133

    
การเดินทาง

          จากลพบุรีใช้เส้นทางถนนพหลโยธิน (ลพบุรี-สระบุรี) ถึงกิโลเมตรที่ 4 เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3017 (ทางไปตำบลโคกตูม) ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงทางเข้าวัดเวฬุวัน (ด้านซ้ายมือ) เลี้ยวเข้าไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงทุ่งทานตะวัน สำหรับรถโดยสารประจำทาง มีรถสองแถวลพบุรี – วังม่วง ผ่านทางเข้าวัดเวฬุวัน รถออกจากสถานีขนส่งลพบุรี ระหว่างเวลา 06.00 – 17.30 น.

          นอกจากนี้ ยังมีแหล่งปลูกทานตะวันกระจัดกระจายไปตามเส้นทางที่จะไปอำเภอพัฒนานิคม บริเวณช่องสาริกา (เข้าทางวัดมณีศรีโสภณ) ริมทางหลวงหมายเลข 21


ทุ่งทานตะวัน

ทุ่งทานตะวัน


จังหวัดสระบุรี

          จังหวัดสระบุรีได้จัด งานเทศกาลทุ่งทานตะวันบานสะพรั่งทั่วทั้งสระบุรี ประจำปี 2553 ณ บริเวณพื้นที่ในเขตอำเภอวังม่วง และอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี โดยมีกิจกรรมถ่ายภาพ, ชมวิว, ขี่จักรยานชมทุ่งทานตะวัน และการจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดสระบุรี อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี โทร. 0 3621 2947 และททท. สำนักงานลพบุรี โทร. 0 3642 2768 - 9 
   
กำหนดการทุ่งทานตะวันบาน จังหวัดสระบุรี ประจำปี 2553


ทุ่งทานตะวัน


         
          อย่าลืมนะคะ ถ้ามีเวลาว่าง...ก็ลองไปสัมผัสความสวยงามของ "ทุ่งดอกทานตะวัน" ตามสโลแกน "เที่ยวไทยคึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก"

นั่งรถไฟเที่ยวทุ่งทานตะวัน ชมเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์

วันนี้มีทริปมาแนะนำ เป็นทริปง่ายๆ เช้าไปเย็นกลับ กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ทริปนี้คือ นั่งรถไฟชมทุ่งทานตะวัน รถไฟลอยน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สำหรับในปี 2551 นี้เริ่มเดินทางตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน ผมเองไปมาสดๆร้อน วันนี้ (23 พฤศจิกายน) เลยเอามาเล่าให้ฟังครับ เผื่อใครที่สนใจจะไปเที่ยว จะได้เป็นข้อมูล ขบวนรถไฟที่ไปทุ่งทานตะวัน-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เป็นขบวนรถพิเศษที่จะเริ่มเดินทางในช่วงประมาณวันที่ 22 พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นช่วงที่ดอกทานตะวันเริ่มบาน ออกเดินทางทุกๆวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุด ราคาจะแบ่งตามชั้นโดยสาร รถนั่งชั้น 1 (ปรับอากาศ) ราคา 675 บาท รถนั่งชั้น 2 (ปรับอากาศ) ราคา 465 บาท รถนั่งชั้น (พัดลม) 255 บาท (ราคาค่าโดยสารไป-กลับ รวมค่าเข้าชมทุ่งทานตะวัน)
สำหรับผมเลือกนั่งชั้น 3 ครับ จะได้ถ่ายภาพได้สะดวก ที่สำคัญราคาถูกที่สุดด้วยครับ อิอิ ผมขึ้นรถตอนเช้าที่สถานีบางซื่อ การเดินทางสะดวกมากครับนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินแล้วโผล่ที่สถานีบางซื่อ ขึ้นข้างบนมาก็เจอสถานีรถไฟบางซื่อเลย ตามกำหนดการบอกว่ารถไฟจะมาถึงสถานีบางซื่อ 6.59 น. แต่รถไฟเสียครับเลยต้องเสียเวลาซ่อมกัน จน 7.30 น. รถไฟก็มาถึงบางซื่อ วิ่งผ่านบางเขน-หลักสี่-ดอนเมือง-รังสิต-สระบุรี-แก่งคอย

ประมาณ 10 โมงเศษๆ รถไฟก็มาถึงทุ่งทานตะวัน สีเหลืองอร่าม แอบผิดหวังเล็กน้อยครับเนื่องจากดอกยังไม่บานเต็มที่ แต่ดูแล้วก็สวยดีครับ ที่ทุ่งทานตะวันเรามีเวลา 30 นาทีในการถ่ายรูป ถ้าอยากได้รูปสวยๆ ก็ลุยเข้าไปข้างในกันเลย

พอถึงเวลาเค้าก็จะเรียกขึ้นรถไฟ มีคารามายเตรียมไว้ให้คนที่แพ้เกษรดอกทานตะวันด้วย พนักงานจะเดินแจกคารามาย บริการดีครับ
อีกจุดหนึ่งของทริปนี้ที่มีความสวยงามคือ จุดบริเวณเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เส้นทางรถไฟที่คดเคี้ยว พาดกลางอยู่เหนือเขื่อนเสมือนรถไฟกำลังลอยอยู่ในน้ำ ถ้ามองจากท้ายขบวนจะเห็นหัวขบวนโค้งมาทางด้านซ้าย ถ้าอยากได้รูปสวยๆ ต้องเดินไปที่ท้ายขบวนจะมองเห็นทั้งขบวน จุดนี้รถไฟจะจอดให้ถ่ายรูปประมาณ 20 นาที ทันทีที่จอดปุ๊ปคนก็เฮลงมาเยอะมากครับ เดินไปไหนไม่ได้เลย วันนี้มีน้ำเยอะมากดูแล้วสวยดีครับ ลมเย็นดีมากด้วย

รถออกจากเหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ไปยังสถานีโคกสลุง สถานีสุดท้าย สถานีนี่จะมีเวลาเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าได้ประมาณ 5 นาที หัวขบวนรถไฟจะเปลี่ยนมาอยู่อีกด้านหนึ่งแทน เพื่อกลับเส้นทางเดินรถ
ประมาณเที่ยงรถไฟก็มาถึงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เราจะทานข้างกลางวันกันที่นี่ วันนี้คนค่อนข้างเยอะครับ รถยนต์ก็มีเยอะเมื่อลงจากรถไฟแล้วจะ้เห็นร้านอาหารเรียงกันอยู่รายทางทาง ซ้ายมือให้เลือก หรือจะไปกินข้างในก็ได้เหมือนกับโรงอาหาร มีของกินให้เลือกเยอะ ราคาไม่แพง เข้าไปข้างในจะมีร้านขายของที่ระลึก แล้วก็ผลิตภัณฑ์จากดอกทานตะวัน

เมื่ออิ่มแล้วมาเดินเล่นกันต่อครับ ภายในเขื่อนจะมีรถตัวหนอนหรือที่เรียกว่ารถลากแหล่ะครับรอบนึงก็ 50 นาที ถ้าใครจะนั่งรถตัวหนอนชมวิวรอบเขื่อนก็เผื่อเวลาไว้ด้วย รถไฟจะมารับอีกทีตอน 14.10 น. หรือจะนั่งเกวียนม้าก็มีครับ

ผมเดินเล่น ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ดีกว่า

เพิ่งสังเกตเห็นว่ามีอาหารปลาขายด้วย ถุงละ 5 บาท พอโปรยอาหารปลาไปก็ดังที่เห็นในภาพ ปลาเยอะมากๆครับ อากาสวันนี้ร้อนมากๆ ผมเดินเล่นถึง 14.00 น. เลยไปรอรถไฟกลับตรงสถานีป่าสักชลสิทธิ์
ประมาณ 14.15 น. รถไฟก็มาถึงครับ พอขึ้นรถไฟแล้วอยากจะหลับจริงๆ เหนื่อยมากๆเลย ขากลับรถไฟก็วิ่งเส้นทางเดินกับขามาแหล่ะครับ แต่ไม่จอดให้ชมวิวที่ไหนแล้วมุ่งเข้ากรุงเทพเลย ของผมก็ลงสถานีบางชื่อเหมือนเดิม ถึงสถานีตอน 17.30 น.
ทริปนี้ก็จบลง ทริปหน้าเจอกันใหม่ครับ :)
คำแนะนำ
  • ไม่ควรใส่กระโปรงไปบันไดรถไฟค่อนข้างสูงจะลำบากในการขึ้นลง
  • คนชราจะลำบากเวลาก้าวขึ้น-ลงบันได ต้องให้ลูกๆช่วยดูด้วยครับ
  • มื้อเช้าให้ทำจากบ้านแล้วไปทานบนรถ ไม่มีของเดินขายบนรถ แต่จะมีหาบมาขายเวลาจอดที่สถานีเป็นพวกไก่ย่าง ข้าวเหนียว
ที่มา;google